อัล ฮิลาล — เแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2019
ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา สำหรับการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชีย ในรายการ “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2019” ซึ่งเป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศนัดที่สอง โดยเป็นการพบกันระหว่างเจ้าบ้าน ‘อุราวะ เรด ไดมอนด์ส’ ทีมชั้นแนวหน้าเจลีก 1 ประเทศญี่ปุ่น เปิดสนามไซตามะ สเตเดียม ต้อนรับยอดทีมจากซาอุดิอาระเบีย ‘อัล ฮิลาล’ ที่นัดแรกสามารถเปิดบ้านเอาชนะทีมจากแดนปลาดิบไปได้แบบเฉียดฉิว 1-0 ตามกฎการเล่นแบบเหย้า-เยือน และแน่นอนว่าในการเจอกันในนัดตัดสินนี้ ทั้งสองทีมต่างส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม โดยเฉพาะเจ้าบ้านอุราวะที่ต้องงัดกลยุทธ์ออกมาต่อสู้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นฝ่ายตามหลังทีมจากซาอุดิอาระเบียอยู่ 1 ประตู
สำหรับภาพรวมในครึ่งแรกนั้น ทั้งสองทีมต่างเล่นอย่างรัดกุม ไม่ประมาท เรียกว่าเน้นความชัวร์เอาไว้ก่อน หลังจาก 45 นาทีผ่านไป สกอร์จึงอยู่เท่าเดิมที่ 0-0 โดยเจ้าบ้านมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลสูงกว่าที่ 57.1% ต่อ 42.9% และทั้งสองทีมมีโอกาสยิงเข้ากรอบเขตโทษเท่าๆ กันที่ 4 ครั้ง
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างพยายามบุกทำประตูอย่างเต็มที่ในครึ่งหลัง ท้ายที่สุดทีมเยือนจากแดนเศรษฐีน้ำมันก็สามารถทะลวงตาข่ายเจ้าถิ่น ขึ้นนำไปได้ก่อน 1-0 จากการทำประตูของซาเลม อัล ดาวซารี่ ในนาทีที่ 74 เรียกได้ว่างานเข้าอดีตแชมป์ 2 สมัย อย่างอุราวะ เรด ไดมอนด์ส อย่างจัง เพราะจะต้องยิงให้ได้อย่างน้อย 3 ประตูถึงจะชนะ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างเจ้าบ้านเสียจริงๆ เพราะแทนที่จะทำประตูตีตื้น กลับเสียท่าโดนทำประตูนำห่างไปเป็น 2-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากลูกยิงของ บาเฟติมบี้ โกมิส ถือว่าเป็นการปิดจ๊อบอย่างสมบูรณ์แบบ
จบเกม อัล ฮิลาล คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 3-0 นับเป็นสมัยที่ 3 หลังจากที่เคยไปถึงจุดสูงสุดมาแล้วเมื่อปี 1991 และปี 2000 เป็นการได้แชมป์ครั้งแรกในรอบ 19 ปี และสำหรับ อุราวะ ถือว่าเป็นการได้รับตำแหน่งรองแชมป์เป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยเข้าชิงมาแล้ว 2 ครั้ง และได้รับชัยชนะมาทั้ง 2 ครั้ง ในปี 2007 และปี 2017
ตัวแทนจากประเทศไทยอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถทำผลงานได้ดีที่สุดด้วยการเข้าถึงรอบ 32 ทีมสุดท้าย
ประวัติและความเป็นมา
เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก คือการแข่งขันฟุตบอลของทีมสโมสรจากประเทศที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ควบคุมการแข่งขันฟุตบอลในทวีปเอเชีย และเป็น 1 ใน 6 สมาคมที่จัดการแข่งขันฟุตบอลทั่วโลกของสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า)
ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันจะมาจากทีมที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ และรองชนะเลิศการแข่งขันจากลีกสูงสุดของแต่ละประเทศ โดยจะมีทีมที่เข้าร่วมร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 32 สโมสร ทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัลจำนวน 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ) ในช่วงปลายปีเดียวกัน
ที่ผ่านมาทีมจากประเทศเกาหลีใต้สามารถครองแชมป์ไปได้ทั้งหมด 11 สมัย ตามมาด้วยญี่ปุ่นที่ 7 สมัย และสำหรับประเทศไทยของเรา อดีตยอดทีมอย่างสโมสรฟุตบอลธนาคารกสิกรไทย ก็เคยผงาดได้แชมป์มาแล้วถึงสองสมัยซ้อน ในปี 1994 และปี 1995 ตามลำดับ
สำหรับรายการฟีฟ่าเวิลด์คัพที่กำลังดำเนินการแข่งขันหาทีมที่ชนะอยู่ในขณะนี้ แชมป์เอเชียหมาดๆ อย่าง อัล ฮิลาล ก็ทำผลงานได้ดีที่สุด ทะลวงไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้กับ ฟลาเมงโก้ เจ้าของแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส จากบราซิล ไป 3 ประตูต่อ 1 อดเข้าชิงแชมป์ถ้วยสโมสรโลกไปอย่างน่าเสียดาย
เฟ้นหาเจ้าแห่งทวีปเอเชีย 2020
รีแคปกันไปแบบหอมปากหอมคอกับนัดชิงแชมป์สโมสรเอเชีย 2019 รวมไปถึงประวัติคร่าวๆ ของการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรที่ทรงเกียรติที่สุดของทวีปเอเชีย สำหรับปีหน้าฟ้าใหม่ ปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจนี้ แฟนบอลก็ไม่ต้องร้องเพลงรอกันนาน เพราะหลังจากที่เสร็จสิ้นการแข่งขัน และเฟ้นหาผู้ชนะไปกันแล้ว ทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียก็ไม่รอช้าได้ทำการจับสลากแบ่งกลุ่ม เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2020 ไปเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2562 แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม อันประกอบด้วยกลุ่ม A, B, C, D, E, F, G, และ H กลุ่มละ 4 ทีม รวมทั้งสิ้น 32 ทีม
ตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 3 ทีม โดยร่วมแข่งรอบแบ่งกลุ่ม 1 ทีม และรอบเพลย์ออฟอีก 2 ทีม ได้แก่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี ตามลำดับ ไปดูกันต่อเลยว่าเส้นทางข้างหน้าของแต่ละทีมจะสดใสมากน้อยแค่ไหน
เริ่มจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเจ้าของถ้วยแชมป์โตโยต้า ไทยลีก ปีล่าสุด ก็ได้รับสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการลงเล่นในรายการชิงแชมป์สโมสรเอเชียเป็นครั้งแรก ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ ถูกจับสลากให้อยู่กลุ่ม E ร่วมกับทีมรองแชมป์ไชนีส ซูเปอร์ลีก อย่าง ปักกิ่ง กั๋วอัน แต่ก็ยังต้องรอลุ้นอีก 2 ทีมที่เหลือจากรอบเพลย์ออฟ และจะต้องเจอกับทีมใหญ่ประจำทวีปอย่าง คาชิมา อันท์เลอร์ส หรือ เมลเบิร์น วิคตอรี หรือ แทมปิเนส โรเวอร์ส หรือ บาหลี ยูไนเต็ด หรืออาจจะเป็นยอดทีมอย่าง คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในกรณีที่ คาชิมา อันท์เลอร์ส สามารถคว้าแชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ (ฟุตบอลถ้วยญี่ปุ่น) ได้
ทีมรองแชมป์โตโยต้า ไทยลีก อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ได้เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ รอบ 2 โดยจะเปิดบ้านพบกับ โฮจิมินห์ ซิตี้ (เวียดนาม) และถ้ามองกันตามศักยภาพแล้ว ทีม ‘ปราสาทสายฟ้า’ มีโอกาสสูงที่จะผ่าน โฮจิมินห์ ซิตี้ เข้าไปสู่รอบเพลย์ออฟ ไปพบกับยักษ์ใหญ่แห่งศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก อย่าง เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ล้นทีม ถือได้ว่าเจอกระดูกชิ้นโตเลยทีเดียว และถ้าพวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มไปได้ ก็จะเดินหน้าเข้าสู่กลุ่ม H ที่มียอดทีมอย่าง ซิดนีย์ เอฟซี, โยโกฮามา เอฟ มารินอส และ ชุนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส รออยู่
ในขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี ดีกรีแชมป์ฟุตบอลถ้วยช้าง เอฟเอ คัพ 2019 ที่เข้าไปยืนในรอบเพลย์ออฟ รอบ 2 ที่จะเปิดบ้านรอผู้ชนะระหว่าง ฉาน ยูไนเต็ด (แชมป์ประเทศพม่า) และ เซเรส เนกรอส เอฟซี (แชมป์ประเทศฟิลิปปินส์) ผู้ชนะในรอบนี้จะต้องเข้าไปดวลกับ เอฟซี โตเกียว เจ้าของรองแชมป์เจลีก ฤดูกาลล่าสุด และถ้า ‘สิงห์เจ้าท่า’ สามารถผ่านรอบเพลย์ออฟไปได้ ก็จะไปพบกับทีมในกลุ่ม F อันประกอบไปด้วย อุลซาน ฮุนได, เซียงไฮ เซินหัว และ เพิร์ธ กลอรี
เรียกได้ว่าการลุยศึกชิงแชมป์สโมสรเอเชียของทีมไทยในครั้งนี้นั้นไม่ใช่งานง่ายเลย แฟนบอลชาวไทยก็คงต้องตามเชียร์ ตามลุ้น ให้กำลังใจนักเตะกันสุดพลัง เพื่อความหวังที่จะได้เห็นสโมสรฟุตบอลไทยประกาศศักดาเป็นเจ้าเอเชียอีกครั้ง!
เอเอฟซีคัพ 2020
นอกเหนือไปจากถ้วยสโมสรสูงสุดของทวีปอย่างเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกแล้ว ในทวีปเอเชียของเราก็ยังมีการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซีคัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันถ้วยชิงแชมป์สโมสรลำดับที่สองของทวีปเอเชีย ที่มีความสำคัญเฉกเช่นเดียวกัน โดยรายการนี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างทีมฟุตบอลจากประเทศที่มีความสามารถฟุตบอลในระดับกลาง ซึ่งที่ผ่านมา สโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือ อัล-คูเวต ที่สามารถคว้าแชมป์ไปได้ถึง 3 สมัย ซึ่งทีมจากประเทศไทยสามารถทำผลงานได้ดีที่สุดด้วยการครองอันดับที่ 3 ในปี 2010 และปี 2012 จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด และชลบุรี เอฟซี ตามลำดับ
โดยเจ้าของแชมป์เอเอฟซีคัพ 2019 ตกเป็นของทีมจากเลบานอน ‘อัล อาเฮ็ด’ ที่เฉือนเอาชนะทีมจากเกาหลีเหนือ ‘เอพริล 25’ ไปอย่างหวุดหวิด 1-0 คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรก
และสำหรับเอเอฟซีคัพ 2020 ก็ได้มีการจับสลากรอบแบ่งกลุ่มไปแล้วเช่นเดียวกัน โดยจะมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 36 ทีม แบ่งเป็น 9 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม อันประกอบด้วยกลุ่ม A, B, C, D, E, F, G, H, และ I
จากผลการจับสลากปรากฏว่า ทีมแชมป์เก่า อัล อาเฮ็ด จะอยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับ อัล จาอิช จากซีเรีย ที่สามารถผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ในปีที่แล้ว และ มานามา คลับ จากบาห์เรน ส่วนโควต้าอีก 1 ทีมที่เหลือก็ต้องรอผู้ชนะรอบเพลย์ออฟจาก โอมาน หรือ ปาเลสไตน์
หรือทีมเพื่อนบ้านของเราอย่าง ลาว โตโยต้า เอฟซี ที่จับสลากได้อยู่กลุ่ม F ร่วมกับ ฮั่วกัง ยูไนเต็ด จากสิงคโปร์ และ โฮจิมินห์ ซิตี้ ตัวแทนหนึ่งเดียวจากเวียดนาม โดยที่ว่างอีก 1 ที่จะเป็นของผู้ชนะเพลย์ออฟจาก บรูไน หรือ พม่า
และถึงแม้ว่าจะไม่มีทีมจากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันในศึกเอเอฟซีคัพ 2020 ครั้งนี้ แต่เราก็ยังสามารถเลือกเชียร์ทีมอื่นๆ ที่มีอย่างหลากหลายในทวีปเอเชียของเราได้ ไปตามชม ตามเชียร์บอลกันให้สนุกสนานได้เลย